ลงทุนบริษัททองดีไหม

ลงทุนบริษัททองดีไหม เหมาะกับใคร เริ่มลงทุนอย่างไรดี

การลงทุนในบริษัททองเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและทำกำไรจากราคาทองคำที่ขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ถึงอย่างไรก็ตามการลงทุนทองก็เหมือนการลงทุนอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงที่คุณควรรู้ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักและแนะนำวิธีเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนประเภทนี้กันครับ

การลงทุนบริษัททอง คืออะไร

เป็นการลงทุนทองผ่านการซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทองคำ เช่น บริษัทเหมืองทอง, บริษัทค้าทอง หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทอง โดยนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากราคาทองที่เพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจในขณะนั้นและได้จากกำไรของบริษัทที่คุณลงทุน การลงทุนประเภทนี้เป็นทางเลือกที่ช่วยลดภาระในการถือครองทองคำจริง แต่ก็มีความเสี่ยงจากการบริหารและภาวะตลาดที่ต้องพิจารณา เพราะหากคุณเลือกบริษัทตามคนอื่นหรือเลือกเพราะบริษัทมีชื่อเสียงเพียงอย่างเดียว ก็อาจเสี่ยงต่อการขาดทุนได้ด้วยเช่นกัน

ลงทุนบริษัททองมีกี่แบบ อะไรบ้าง

1. ซื้อหุ้นบริษัทเหมืองทอง

เป็นการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการสำรวจ ขุดเจาะ และผลิตทองคำ ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Barrick Gold (GOLD) ประเทศแคนาดา, Newmont corporation (NEM) สหรัฐอเมริกา และ AngloGold Ashanti (AU) สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ฯลฯ ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีรายได้จากการขายทองคำที่ขุดขึ้นมา สำหรับราคาหุ้นของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปตามราคาทองคำในตลาดโลก จึงช่วยให้คุณติดตามการเคลื่อนไหวของราคาตลาดทองคำได้ตลอดเวลา

ข้อดีของการลงทุนประเภทนี้จะช่วยให้คุณได้รับผลประโยชน์จากราคาทองที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องถือทองจริงไว้กับตัว แถมยังมีโอกาสได้รับเงินปันผลจากผลประกอบการของบริษัท ยิ่งถ้าบริษัทไหนใช้ต้นทุนต่ำ กำไรที่ได้ก็ยิ่งสูงขึ้นตาม เพียงแต่ราคาหุ้นอาจไม่ได้อิงตามราคาทองเสมอไป เพราะมีปัจจัยอื่นเกี่ยวข้อง เช่น ค่าขุด ค่าพลังงาน ค่าแรง รวมถึงการควบคุมเหมืองจากรัฐบาลอีกด้วย

2. ลงทุนในกองทุนทองคำ (Gold ETF)

เป็นการลงทุนในกองทุนรวมที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ภายในกองทุนรวมมีการถือทองคำจริงหรือถือครองสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับทองคำ เช่น สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า Gold Futures โดยราคาของ Gold ETF จะอิงตามราคาทองคำในตลาดโลก จึงสามารถซื้อขายได้เหมือนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีค่ากำเหน็จหรือค่าฝากทอง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำโดยไม่ต้องซื้อทองแท่งหรือเก็บรักษาไว้กับตัว Gold ETF มีทั้งหมด 2 ประเภทหลัก ได้แก่

  • Gold-Backed ETF เป็นกองทุนที่เน้นการถือครองทองคำแท่งจริง ยกตัวอย่างเช่น กองทุน SPDR Gold Shares (GLD), iShares Gold Trust (IAU)
  • Gold Futures ETF เป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนทองในรูปแบบของสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายทองคำแบบล่วงหน้าแทนการถือครองทองจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น กองทุน Invesco db Gold Fund (DGL), ProShares Ultra Gold (UGL)

แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ควรระวังในเรื่องของค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนของแต่ละกองทุนที่ค่อนข้างสูงหากเทียบกับการถือทองจริงไว้กับตัว และเนื่องจากทองคำไม่มีดอกเบี้ยหรือเงินปันผล นักลงทุนจึงไม่ได้รับเงินปันผลเหมือนการลงทุนประเภทอื่น

3. ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทอง

เป็นการซื้อหุ้นหรือสินทรัพย์ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับทองคำ (ที่ไม่ใช่เหมืองขุดทอง) บริษัทเหล่านี้อาจอยู่ในสายการผลิต แปรรูป จัดจำหน่าย หรือการใช้ทองคำในอุตสาหกรรมอื่น เช่น แฟชั่น ทันตกรรม อุปกรณ์อิเล็กทรกนิกส์ จึงช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์จากราคาทองโดยไม่ต้องพึ่งพาเหมืองทองเพียงอย่างเดียว สำหรับประเภทของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมทองจะมี 5 ประเภท ดังนี้

  • บริษัทแปรรูปและกลั่นทองคำ (Gold Refining & Processing) เป็นบริษัทรับทองคำจากเหมืองทองคำหรือผู้ผลิตมาแปรรูปเป็นทองคำแท่งหรือเครื่องประดับทอง ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Rand Refinery สาธารณรัฐแอฟริกาใต้, PAMP Suisse และ Metalor Technologies ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
  • บริษัทค้าทองคำและเครื่องประดับ (Gold Retail & Jewelry Companies) เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจค้าปลีกทองคำ ในรูปแบบของการขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณ รวมถึงอัญมณีที่มีทองเป็นส่วนประกอบ ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Tiffany & Co สหรัฐอเมริกา, Rajesh Exports ประเทศอินเดีย, MTS Gold และ YLG Bullion International ประเทศไทย
  • บริษัทผลิตเครื่องมือและอุปกรณ์เกี่ยวกับทองคำ เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์สำหรับขุด เจาะ หรือกลั่นทองคำ รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองทอง ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Sandvik AB ประเทศสวีเดน, FLSmidth & Co. ประเทศเดนมาร์ก, Caterpillar Inc. สหรัฐอเมริกา
  • บริษัทที่ใช้ทองคำในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เป็นบริษัทที่นำทองคำมาใช้ในการผลิตวงจรไฟฟ้า ชิปคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยกตัวอย่างเช่นบริษัท Apple Inc. สหรัฐอเมริกา, Samsung Electronics ประเทศเกาหลีใต้ และ TSMC ประเทศไต้หวัน
  • บริษัทลงทุนที่ถือทองคำเป็นทุนสำรอง (Gold Investment Companies & Banks) เป็นบริษัทหรือธนาคารที่ลงทุนในทองคำโดยตรงและใช้ทองคำเป็นสินทรัพย์สำรอง ยกตัวอย่างเช่นบริษัท SPDR Gold Trust และ BlackRock สหรัฐอเมริกา, ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ

4. ซื้อหุ้นบริษัทที่เก็บทองเป็นสินทรัพย์สำรอง

เป็นการซื้อหุ้นของบริษัทหรือสถาบันการเงินที่มีทองคำแท่งอยู่ในพอร์ตการลงทุน หรือใช้ทองคำเป็นทุนสำรอง โดยมูลค่าของบริษัทเหล่านี้จะสัมพันธ์กับราคาทองคำในตลาดโลก สำหรับประเภทของบริษัทที่ถือครองทองคำเป็นสินทรัพย์สำรองจะมีทั้งกองทุนที่ถือทองคำแท่งโดยตรง (Gold-backed Funds & Trusts), ธนาคารกลางและธนาคารเอกชนที่ถือทองคำ (Central & Private Banks), บริษัทการลงทุนและกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ถือทองคำ (Investment Firms & Hedge Funds) และบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการเก็บรักษาทองคำ (Gold Storage & Vault Companies)

ข้อดีของการลงทุนในบริษัททองคำ

  • โอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการถือทองคำแท่ง การถือหุ้นบริษัททองคำสามารถสร้างรายได้จากเงินปันผลและการเติบโตของธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
  • มีสภาพคล่องสูงกว่า นักลงทุนสามารถซื้อขายในตลาดหุ้นได้ทันที แตกต่างจากทองคำแท่งที่มีการจัดเก็บและมีค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย ซึ่งอาจใช้เวลาดำเนินการสักพักหนึ่งกว่าจะทำธุรกรรมเสร็จ
  • ได้รับเงินปันผล บางบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทองคำจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นรายได้เพิ่มเติมที่การถือทองคำแท่งไม่มี
  • ทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ โดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกกำลังซบเซา
  • ได้กำไรจากการขยายกิจการของบริษัทที่อาจส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว

ข้อเสียของการลงทุนในบริษัททองคำ

  • ราคาหุ้นไม่ได้ขึ้นลงตามราคาทองเสมอไป เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ต้นทุนดำเนินงาน หนี้สิน และปัจจัยเศรษฐกิจ
  • บริษัทเหมืองทองคำต้องเผชิญกับต้นทุนต่างๆ เช่น ค่าน้ำมัน ค่าจ้างแรงงาน ค่าเครื่องจักร ซึ่งมีผลทำให้กำไรโดยรวมลดลง
  • หุ้นบริษัททองคำมีความผันผวนสูง เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ นโยบายดอกเบี้ย และปัจจัยภายในบริษัท
  • บริษัทเหมืองทองต้องเผชิญกับกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม จึงอาจถูกจำกัดการทำเหมืองในบางพื้นที่
  • อัตราดอกเบี้ยมีผลต่อราคาหุ้น หากดอกเบี้ยสูงขึ้น นักลงทุนจะถอนเงินจากหุ้นทองคำไปลงทุนในพันธบัตรแทน

ลงทุนบริษัททอง เหมาะกับใคร

  • ผู้ที่ต้องการลงทุนในทอง แต่ไม่อยากถือทองคำแท่งไว้กับตัว
  • นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนในทองคำที่สูงกว่าการถือครองทองคำแท่งจริง
  • นักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
  • นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และผู้ที่ต้องการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากการลงทุนประเภทนี้มักให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว 5-10 ปี
  • นักลงทุนที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุน การเพิ่มหุ้นบริษัททองคำ ช่วยลดความเสี่ยงและทำให้พอร์ตมีความสมดุลมากขึ้น

เริ่มต้นลงทุนบริษัททองอย่างไรดี

1. เลือกรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับคุณ

หากคุณต้องการผลตอบแทนสูง การซื้อหุ้นบริษัทเหมืองทองคำโดยตรงถือว่าตอบโจทย์กว่า เพียงแต่คุณต้องยอมรับความเสี่ยงจากต้นทุนเหมืองและราคาทองผันผวนให้ได้ แต่หากคุณต้องการการลงทุนที่มั่นคง อาจเลือกลงทุนในบริษัทที่ถือทองคำเป็นสินทรัพย์สำรอง เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ถือครองทองคำจริงในการรองรับมูลค่าหุ้น แต่หากคุณไม่อยากเสียเวลาเฃือกหุ้นรายตัวด้วยตัวเอง ก็อาจเลือกลงทุนในกองทุนทองคำ (Gold ETF) แทนครับ

2. ศึกษาข้อมูลของบริษัทที่คุณสนใจ

หากต้องการซื้อหุ้นบริษัททองคำโดยตรง อาจเลือกจากชื่อเสียงของบริษัทเป็นหลัก เพียงแต่จะต้องศึกษาข้อมูลและผลประกอบการของบริษัทเหล่านั้นอย่างจริงจัง ซึ่งจะช่วยให้คุณมีข้อมูลที่มากพอและตัดสินใจเลือกบริษัทที่ตอบโจทย์การลงทุนของคุณมากที่สุด สำหรับบริษัทชั้นนำที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับทองคำ ได้แก่ Barrick gold corp, Newmont corporation (NEM), Agnico eagle mines (AEM), SPDR gold shares (GLD), Franco-Nevada corporation (FNV) เป็นต้น

3. เปิดบัญชีซื้อขายหุ้น หรือบัญชีลงทุน

หากคุณต้องการลงทุนในหุ้นบริษัททองคำ คุณจะต้องเปิดบัญชีหุ้นกับโบรกเกอร์ที่รองรับตลาดต่างประเทศ เช่น eToro, Interactive Brokers, TD Ameritrade หรือโบรกเกอร์ในไทยที่มีหุ้นต่างประเทศ แต่หากต้องการลงทุนในกองทุนทองคำ (Gold ETF) คุณจะต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์กองทุน เช่น FINNOMENA, SCBAM หรือ KAsset

4. ติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอและบริหารความเสี่ยงให้เป็น

การติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ทิศทางการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสขาดทุนจากภาวะเศรษฐกิจหรือนโยบายทางการเงินที่มีผลต่อราคาทองคำ แม้จะเป็นช่วงที่การลงทุนทองคำอาจดูไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าที่ควร แต่หากคุณมีสติและใจเย็นมากพอ ก็อาจมองเห็นโอกาสที่ใครหลายคนมองไม่เห็นได้เช่นกัน และที่สำคัญคุณควรกระจายพอร์ตการลงทุนให้ดี อย่าลงกับทองคำมากเกินไป แม้ว่าการลงทุนทองคำจะช่วยป้องกันเงินเฟ้อได้ แต่หากคุณทุ่มหมดหน้าตักไปกับการลงทุนทองคำเพียงอย่างเดียว ก็อาจเสี่ยงต่อการขาดทุนสูงได้ด้วย

สุดท้ายนี้อย่าลืมศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนบริษัททองคำให้ดีก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยนะครับ และหากคุณเป็นมือใหม่ในวงการลงทุนทองคำ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลการลงทุนอย่างละเอียดและสอบถามข้อมูลกับผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยตรง เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการลงทุนให้แก่คุณ

บทความที่น่าสนใจ

ขายกรอบพระทองที่ไหนดี ทำไมต้อง Gold Max

Goldmax เป็นบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจ ซื้อ ขาย สกัดทองคำแท้มามากกว่า 30 ปี เราจึงมีทั้งประสบการณ์ ทักษะและความเชี่ยวชาญด้านการสกัดทองคำด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่ได้รับการรับรองและมีมาตรฐานระดับโลก เรามีบริการรับซื้อเครื่องเพชร แหวนพลอย งานโบราณ และทอง K ทุกชนิด ทั้งมีใบเซอร์และไม่มีใบเซอร์ เรารับซื้อจิวเวลรี่และนาฬิกาแบรนด์ชั้นนำโดยพร้อมให้วงเงินแก่คุณได้ไม่จำกัด คุยง่าย จบไว จ่ายเงินสดทันที เลือกรับเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารก็ได้ตามที่คุณสะดวก นอกจากนี้เรายังมีบริการขายฝากทองด้วยขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว สามารถทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ตลอด 24 ชม. แถมยังรับสิทธิ์ได้ทรัพย์คืน วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ รับเงินทันที หรือหากคุณกำลังมองหาสินค้าแบรนด์เนมอยู่ ทางเราก็มีบริการช้อปออนไลน์ จำหน่ายสินค้าหลุดจำนำ รับประกันของแท้ทุกชิ้นผ่าน APPLICATION GOLD MAX ได้ทั้ง apple และ android

และที่สำคัญหากคุณไม่สะดวกเดินทางมาหน้าร้านด้วยตัวเองหรือยังกังวลเกี่ยวกับสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คุณสามารถส่งสินค้าทางไปรษณีย์ หรือแมสเซนเจอร์เพื่อให้เราประเมินราคาได้ หลังจากทางร้านได้รับสินค้าและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เราจะโทรแจ้งราคาประเมินให้คุณทราบทันที และเมื่อตกลงราคาได้แล้วทางร้านจะโอนเงินให้คุณโดยเร็วที่สุด หรือกรณีลูกค้ายังไม่พอใจในราคาที่เราเสนอไป ทางร้านจะดำเนินการจัดส่งกลับให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

บทความที่คุณอาจสนใจ