ราคาที่ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ของทองคำ จึงทำให้ใครหลายคนเลือกหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น แต่หากคุณเป็นมือใหม่ในวงการนี้และไม่เคยรู้เกี่ยวกับการซื้อขายของทองคำในตลาดโลกมาก่อน วันนี้ Goldmax จะมาพูดถึงแนวโน้มและการลงทุนในทองคำตลาดโลก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่จะช่วยให้คุณคาดคะเนและเพิ่มโอกาสทำกำไรจากการลงทุนทองคำได้มากขึ้นครับ
แนวโน้มของราคาทองคำในปัจจุบัน เป็นอย่างไร
แม้ว่าราคาทองคำในช่วงนี้จะมีความผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีผลกระทบต่อมูลค่า เช่น การตัดสินใจของธนาคารกลางในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย, ความตึงเครียดในสงครามการค้าหรือสงครามระหว่างประเทศ และวิกฤตการณ์การเงิน แต่แนวโน้มในระยะยาวนั้นทองคำจะยังคงเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนโดยเฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนหรือช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวน เนื่องจากทองคำเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย สามารถเก็บมูลค่าได้ในช่วงที่ความเชื่อมั่นในเงินหรือสินทรัพย์อื่นๆ ลดลง จึงทำให้ทองคำยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดโลกมาจนถึงทุกวันนี้และไม่มีทีท่าว่าความต้องการจะลดลงเนื่องจากยังเกิดสงครามระหว่างประเทศอยู่ ทั้งรัสเซีย-ยูเครน, อิสราเอล-ฮามาส รวมถึงสงครามการค้าจีน-สหรัฐอีกด้วยครับ
แนวโน้มทองคำตลาดโลกปี 2568 เป็นอย่างไร
ในช่วงวันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ได้ออกแถลงการณ์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จากระดับ 4.50-4.75% มาอยู่ที่ 4.25-4.50% ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการลดดอกเบี้ยครั้งที่สามติดต่อกันในปี 2567 และหากเฟดยังคงนโยบายการลดดอกเบี้ยในปี 2568 หรือไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ก็อาจทำให้ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน เนื่องจากการลดดอกเบี้ยจะทำให้สินทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยมีผลตอบแทนที่ต่ำลง ส่งผลให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนดอกเบี้ยแต่มีความปลอดภัยในช่วงวิกฤตการเงินกันมากขึ้น
ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อราคาทองคำตลาดโลก
1. อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐมีผลต่อราคาทองคำโดยตรง เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้การลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เช่น พันธบัตรหรือเงินฝากธนาคาร น่าสนใจมากขึ้น แตกต่างจากทองคำที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยหรือเงินปันผล ส่งผลให้ราคาทองคำลดลง แต่หาก Fed ปรับอัตราดอกเบี้ยลง ก็จะทำให้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยลดลง
2. ภาวะเงินเฟ้อ
ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ดีกว่าสินทรัพย์ เนื่องจากทองคำไม่ขึ้นอยู่กับสกุลเงินใดๆ อีกทั้งมีมูลค่าในตัวเองที่สูงเนื่องจากเราสามารถแปรรูปทองคำเป็นสภาพอื่นได้แม้จะผ่านมานานเป็นร้อยปี และทองคำก็เป็นวัตถุดิบที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีมูลค่าสูง เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานอวกาศ แฟชั่น ทันตกรรม ฯลฯ ดังนั้นเมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น นักลงทุนก็จะหันไปซื้อทองคำเพื่อปกป้องมูลค่าของเงินเอาไว้ เมื่อมีการซื้อทองคำมากขึ้น ส่งผลให้ราคาของทองคำสูงขึ้น แต่หากผ่านช่วงเงินเฟ้อไปแล้ว ราคาทองคำก็จะลดลงเนื่องจากนักลงทุนกลับมาลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยนั่นเองครับ
3. วิกฤตทางการเมือง
ความไม่แน่นอนในตลาดโลกหรือวิกฤตการณ์ทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ เช่น สงครามสู้รบและสงครามการค้าระหว่างประเทศ หรือวิกฤติเศรษฐกิจโลก ก็อาจส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงวิกฤต แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมาจะเห็นว่าราคาทองคำมีความผันผวนเล็กน้อย โดยในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลดลง 5.08 ดอลลาร์ (0.19%) มาอยู่ที่ระดับ 2,617.13 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์
ลงทุนในทองคำตลาดโลกตอนนี้ดีไหม ลงทุนแบบไหนดี
แม้ว่าราคาทองคำจะมีความผันผวนตามปัจจัยต่างๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามการลงทุนในทองคำยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจและให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่ดี หากคุณต้องการจะลงทุนในทองคำตลาดโลกจริงๆ แนะนำให้เช็กข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการลงทุนทองคำดังต่อไปนี้เพื่อประกอบการตัดสินใจด้วยนะครับ
1. การลงทุนในทองคำแท่ง
แม้ว่าการลงทุนในทองคำแท่งจะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ สามารถซื้อขายได้ง่ายและถือครองได้อย่างปลอดภัยเนื่องจากทองคำแท่งถูกผลิตและออกแบบขึ้นมาสำหรับเก็บรักษาเพียงอย่างเดียว แต่คุณอาจต้องเสียค่าเก็บรักษาไว้ในตู้เก็บของธนาคารหรือร้านทองชั้นนำเป็นรายเดือนหรือรายปีด้วยเช่นกัน
2. การลงทุนในทองคำรูปแบบการเงิน
เป็นการลงทุนในทองคำผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ไม่ต้องซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณจริงๆ แต่สามารถลงทุนในทองคำได้ผ่านเครื่องมือทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับทองคำ เช่น กองทุน ETF ทองคำ, สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ หรือทองคำดิจิทัล เป็นต้น สำหรับการลงทุนในทองคำรูปแบบการเงินที่ติดตามราคาทองคำในตลาดโลกโดยตรงจะเป็น
- กองทุน ETF ทองคำ (Gold ETF) เช่น SPDR Gold Shares (GLD), iShares Gold Trust (IAU) ที่มีค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุน
- สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำ (Gold Futures) เป็นการทำสัญญาซื้อหรือขายทองคำในราคาที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้าในวันที่กำหนดในอนาคต
- ทองคำดิจิทัล (Digital Gold) เป็นการลงทุนในทองคำที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การซื้อทองคำผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน หรือการซื้อทองคำผ่านแพลตฟอร์มที่ใช้บล็อกเชน
- การลงทุนในหุ้นบริษัทเหมืองทอง (Gold Mining Stocks) ที่นักลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขุดและผลิตทองคำ ซึ่งหุ้นเหล่านี้จะมีราคาที่สัมพันธ์กับราคาทองคำ
- การลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่มีการเชื่อมโยงกับทองคำ (Gold Certificates) เป็นเอกสารหรือใบรับรองที่แสดงถึงการถือครองทองคำโดยไม่ต้องถือทองคำจริง
แม้ว่าราคาทองคำจะยังปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา แต่ถึงอย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงผันผวนตามปัจจัยอื่นๆ ด้วย ดังนั้นนักลงทุนจึงควรติดตามสถานการณ์ทางการเมืองและปัจจัยเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินแนวโน้มราคาทองคำในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้คุณลงทุนได้อย่างปลอดภัยและได้กำไรตามที่คุณคาดหวังไว้ครับ
บทความที่น่าสนใจ
- การผ่อนทองคืออะไร ดีไหม ทำไมถึงเหมาะกับคนยุคนี้
- ออมทอง ถอนเงินได้ไหม ควรถอนเวลาไหนบ้าง เรามีคำตอบ
- ตลาดทองคำคืออะไร เปิดกี่โมง ซื้อขายยังไง มือใหม่ต้องไม่พลาด
ซื้อขายทองที่ไหนดี ทำไมต้อง Gold Max
Goldmax เป็นบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจ ซื้อ ขาย สกัดทองคำแท้มามากกว่า 30 ปี เราจึงมีทั้งประสบการณ์ ทักษะและความเชี่ยวชาญด้านการสกัดทองคำด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่ได้รับการรับรองและมีมาตรฐานระดับโลก เรามีบริการรับซื้อเครื่องเพชร แหวนพลอย งานโบราณ และทอง K ทุกชนิด ทั้งมีใบเซอร์และไม่มีใบเซอร์ เรารับซื้อจิวเวลรี่และนาฬิกาแบรนด์ชั้นนำโดยพร้อมให้วงเงินแก่คุณได้ไม่จำกัด คุยง่าย จบไว จ่ายเงินสดทันที เลือกรับเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารก็ได้ตามที่คุณสะดวก นอกจากนี้เรายังมีบริการขายฝากทองด้วยขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว สามารถทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ตลอด 24 ชม. แถมยังรับสิทธิ์ได้ทรัพย์คืน วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ รับเงินทันที หรือหากคุณกำลังมองหาสินค้าแบรนด์เนมอยู่ ทางเราก็มีบริการช้อปออนไลน์ จำหน่ายสินค้าหลุดจำนำ รับประกันของแท้ทุกชิ้นผ่าน APPLICATION GOLD MAX ได้ทั้ง apple และ android
และที่สำคัญหากคุณไม่สะดวกเดินทางมาหน้าร้านด้วยตัวเองหรือยังกังวลเกี่ยวกับสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คุณสามารถส่งสินค้าทางไปรษณีย์ หรือแมสเซนเจอร์เพื่อให้เราประเมินราคาได้ หลังจากทางร้านได้รับสินค้าและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เราจะโทรแจ้งราคาประเมินให้คุณทราบทันที และเมื่อตกลงราคาได้แล้วทางร้านจะโอนเงินให้คุณโดยเร็วที่สุด หรือกรณีลูกค้ายังไม่พอใจในราคาที่เราเสนอไป ทางร้านจะดำเนินการจัดส่งกลับให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด