รู้หรือไม่ว่าน้ำหนักทองมีผลต่อการซื้อขายทองโดยตรง ยิ่งน้ำหนักมากเท่าไหร่ราคาทองก็ยิ่งสูงขึ้นตามด้วยนะคะ ว่าแต่น้ำหนักของทองมีกี่แบบ แต่ละแบบราคาประมาณเท่าไหร่ เลือกซื้อออย่างไรให้เหมาะกับการลงทุนมากที่สุด เดี๋ยววันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังค่ะ
เป็นหน่วยวัดน้ำหนักของทองที่จะช่วยบ่งบอกเปอร์เซนต์ของทองที่ผสมลงไปในทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณชิ้นนั้น ในแต่ละประเทศมีการใช้หน่วยวัดและเปอร์เซนต์ทองที่แตกต่างกัน ในหลาย ๆ ประเทศรวมถึงไทยจะใช้หน่วยวัดน้ำหนักทองเป็น กรัม (Gram) นอกจากนี้ในไทยยังมีหน่วยวัดแบบอื่น บาท (Baht) และสตางค์ โดยกรัมจะเป็นหน่วยวัดมาตรฐาน ส่วนบาทจะใช้ก็ต่อเมื่อทองมีน้ำหนัก 1 บาทขึ้นไป และสตางค์จะใช้ก็ต่อเมื่อทองมีน้ำหนักต่ำกว่า 1 บาท สำหรับวิธีเรียกทองที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 1 บาทมีดังนี้ ทอง 1 สลึง เท่ากับ 25 สตางค์, ทอง 2 สลึง เท่ากับ 50 สตางค์, ทอง 3 สลึง เท่ากับ 75 สตางค์ และทอง 4 สลึง หรือ 100 สตางค์ เท่ากับ 1 บาท (เทียบตามบัญญัติไตรยางศ์) แต่ในปัจจุบันมีผู้ผลิตทองจำนวนไม่น้อยผลิตทองหลากหลายรูปแบบและมีน้ำหนักที่น้อยกว่าครึ่งสลึง ซึ่งในส่วนนี้จะคิดน้ำหนักเป็นกรัมค่ะ
โดยทั่วไปแล้วน้ำหนักของทองคำแท่งจะมากกว่าทองรูปพรรณเสมอ เนื่องจากมีกระบวนการผลิตไม่ยุ่งยาก เพียงแค่เททองลงบล็อก ส่งผลให้เนื้อทองที่ได้มีจำนวนมากกว่าทองรูปพรรณที่นอกจากจะมีน้ำหนักน้อยกว่าจากกระบวนการผลิตและผสมกับโลหะอื่นเพิ่มเติมเพื่อความแข็งแรงในการใช้งานแล้ว ยังมีในส่วนของน้ำประสานทองด้วยค่ะ
สำหรับการคำนวณราคาทองคำแท่งจากน้ำหนักนั้นจะมีตัวเลขหลายตัว ได้แก่ Gold spot หรือราคาทองคำต่างประเทศ, อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทจาก USD เป็น THB, น้ำหนักทองคำ, เปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ของทอง, Premium/Discount หรือต้นทุนเพิ่มเติมจากการซื้อขายประมาณ 1-2 เหรียญ โดยมีวิธีคำนวณดังนี้
ราคาทองคำ 96.5% = (Gold spot x อัตราแลกเปลี่ยน (THB/USD) x น้ำหนักทองต่อกิโลกรัม (Oz) x น้ำหนักบาททองต่อกิโลกรัมทอง) x 0.965 เท่ากับราคาทองคำแท่ง
ยกตัวอย่างเช่น ราคาทองคำแท่ง 96.5% (2,387 x 36.11 x 32.148 / 65.6) x 0.965 = 40,762.174 (ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2567)
เนื่องจากกระบวนการผลิตทองที่แตกต่างกัน ดังนั้นการซื้อทองจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติมด้วย หากเป็นทองคำแท่งจะต้องเสียค่าบล็อก ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการนำทองคำที่ผ่านการหลอมมาแล้วมาเทลงในบล็อก ส่วนทองรูปพรรณจะต้องเสียค่ากำเหน็จซึ่งเป็นค่าแรงของช่างทอง โดยค่ากำเหน็จจะขึ้นอยู่กับความง่ายยากของลวดลายที่ทำออกมา แต่ทั้งนี้หากร้านทองที่คุณซื้อมาไม่มีโรงงานผลิตทองเป็นของตัวเอง ต้องซื้อทองจากร้านอื่นมาขายต่อ (โดยเฉพาะร้านทองที่อยู่ต่างจังหวัดที่ต้องมาซื้อทองที่กรุงเทพฯ) ก็อาจบวกค่าขนส่งเพิ่มด้วยค่ะ
แต่ในกรณีที่คุณไม่อยากเสียเวลาในการหาราคาทองด้วยตัวเอง เราขอแนะนำให้เช็กราคาได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมค้าทองคำได้ตลอด 24 ชม. หรือสอบถามข้อมูลกับเรา Gold Max ได้เลยค่ะ เพราะนอกจากจะมีทีมงานคอยอัปเดตราคาขายแล้ว คุณยังสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการซื้อขายทองเพื่อการซื้อขายที่ดีที่สุดสำหรับคุณค่ะ
เราเป็นบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจ ซื้อ ขาย สกัดทองคำแท้มามากกว่า 30 ปี เราจึงมีทั้งประสบการณ์ ทักษะและความเชี่ยวชาญด้านการสกัดทองคำด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่ได้รับการรับรองและมีมาตรฐานระดับโลก เรามีบริการรับซื้อเครื่องเพชร แหวนพลอย งานโบราณ และทอง K ทุกชนิด ทั้งมีใบเซอร์และไม่มีใบเซอร์ เรารับซื้อจิวเวลรี่และนาฬิกาแบรนด์ชั้นนำโดยพร้อมให้วงเงินแก่คุณได้ไม่จำกัด คุยง่าย จบไว จ่ายเงินสดทันที เลือกรับเงินสดหรือโอนเข้าบัญชีธนาคารก็ได้ตามที่คุณสะดวก นอกจากนี้เรายังมีบริการขายฝากทองด้วยขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว สามารถทำธุรกรรมผ่านมือถือได้ตลอด 24 ชม. แถมยังรับสิทธิ์ได้ทรัพย์คืน วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ รับเงินทันที หรือหากคุณกำลังมองหาสินค้าแบรนด์เนมอยู่ ทางเราก็มีบริการช้อปออนไลน์ จำหน่ายสินค้าหลุดจำนำ รับประกันของแท้ทุกชิ้นผ่าน APPLICATION GOLD MAX ได้ทั้ง apple และ android
และที่สำคัญหากคุณไม่สะดวกเดินทางมาหน้าร้านด้วยตัวเองหรือยังกังวลเกี่ยวกับสภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คุณสามารถส่งสินค้าทางไปรษณีย์ หรือแมสเซนเจอร์เพื่อให้เราประเมินราคาได้ หลังจากทางร้านได้รับสินค้าและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เราจะโทรแจ้งราคาประเมินให้คุณทราบทันที และเมื่อตกลงราคาได้แล้วทางร้านจะโอนเงินให้คุณโดยเร็วที่สุด หรือกรณีลูกค้ายังไม่พอใจในราคาที่เราเสนอไป ทางร้านจะดำเนินการจัดส่งกลับให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไม
บริษัท โกลด์แม็ก จำกัด
เลขที่ 85/6 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงประเวศ
เขตดอกไม้ กรุงเทพ 10250
บริษัท โกลด์แม็ก จำกัด
เลขที่ 85/6 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงประเวศ
เขตดอกไม้ กรุงเทพ 10250
© Copyright GOLD MAX. All Rights Reserved
